เที่ยวเชียงคาน ที่พักเต็มจะทำไง
ช่วงนี้เป็นเทศกาลท่องเที่ยวเมืองหนาวกลับมาที่เรื่องเที่ยวกันต่อนะครับ โดยคราวที่แล้วผมได้เขียนประสบการณ์ที่ได้ไปเที่ยวภูเรือไปแล้ว และได้ทิ้งท้ายในตอนจบของเที่ยวภูเรือว่าจะไปต่อกันที่เชียงคาน ก็พึ่งจะมีเวลามาเขียนต่อนี่แหละครับ
ในตอนที่ไปภูเรือก็ไปแบบไม่ได้ตั้งตัวเท่าไหร่ มาถึงทริปเชียงคานนี่ก็เหมือนกันเป็นการตัดสินใจแบบด่วนๆ หลังจากที่เข้าเขตเมืองเลย เราไปแบบไม่รู้ว่าจะมีที่พักที่นอนหรือเปล่า เพราะปกติจะต้องโทรจองไว้ล่วงหน้า ว่าแล้วเราก็ขับออกจากเมืองเลยมุ่งหน้าไปเชียงคานทันที
ขับรถไปเรื่อยๆ แบบไม่รีบ เพราะลูกพึ่งจะนอนหลับ ไปถึงเชียงคานเวลาประมาณบ่ายสามกว่าๆ ถ้าจำไม่ผิดนะ พอไปถึงตัวเชียงคานเราก็เริ่มตระเวนหาที่พักโดยขับรถช้าๆ ในบริเวณถนนคนเดินของเชียงคาน เพราะต้องการที่พักที่วิวสวยมองเห็นน้ำโขงด้วย ทั้งสอบถามและโทรถามปรากฎว่าที่พักเต็มหมด ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นป้ายคำว่า “เต็ม” ติดไว้เกือบทุกที่ ชักเริ่มถอดใจแล้วก็เลยแวะ วัดศรีคุณเมือง เพื่อเข้าไปจอดรถตั้งหลักกันก่อน
ระหว่างที่แวะพักในวัดภรรยาผม (HS4TGQ) ก็ลองเดินออกไปสอบถามหาที่พักแถวๆ นั้นดูส่วนมากก็จะบอกว่าเต็มเหมือนกัน และสุดท้ายเลยลองสอบถามบ้านคุณยายท่านหนึ่งที่อยู่เยื้องๆ วัดซึ่งไม่ได้ทำเป็นที่พักให้เช่าแบบจริงจังแต่คุณยายก็มีห้องว่างๆ ให้เช่านอนได้โดยคิดค่าพักคืนละ 600 บาท เราก็เลยตกลงทันที
ลักษณะบ้านจะเป็นตึกแถวคอนกรีตมีห้องว่างชั้นบนสองห้อง ในห้องก็มีแค่ตู้ เตียงนอนสองเตียงกับหมอน ผ้าห่ม แค่นั้น ไม่เป็นไรเราแค่นอนคืนเดียว เพราะตัวบ้านก็ติดน้ำโขงเหมือนที่พักแพงๆ ที่เต็มหมดเช่นกัน
เมื่อพักผ่อนสักหน่อย เพื่อนจากเมืองเลยก็โทรมาก็เลยนัดกันไปทานข้าวที่แก่งคุ้ดคู้ โดยต้องขับรถออกไปอีกประมาณ 20 นาที แก่งคุดคู้เป็นที่ท่องเที่ยว ซื้อของฝากและนั่งทานอาหารริมน้ำโขงกัน ส่วนของฝากที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ มะพร้าวแก้ว ส่วนอาหารที่ใครมาต้องทานให้ได้ เพื่อนบอกว่ามันคือ เมนูกุ้ง เช่น กุ้งเต้น กุ้งชุบแป้งทอดเป็นแผ่น และก็ทีเด็ดคือ ข้าวปุ้นร้อน
หลังจากอิ่มที่แก่งคุดคู้แล้วเราก็พากันกลับเข้าเชียงคานกันเลย และเพื่อนก็ขอแยกทางกลับไปเมืองเลยทันที ส่วนเราพ่อแม่ลูก ก็ได้เวลาเดินเที่ยวถนนคนเดินที่เชียงคานพอดี
เราก็เริ่มต้นเดินตั้งแต่หน้าวัดศรีคุณเมืองไปเรื่อยๆ อากาศก็เริ่มเย็นยังไม่หนาวมาก ยิ่งเดินยิ่งร้อนด้วยซ้ำเพราะคนเยอะมาก แบบว่าเดินเบียดๆ กันเลยล่ะ
เชียงคานนั้นมีเสน่ห์หลายอย่างเช่น บ้านเรือนแบบเก่าๆ วิถีชีวิตแบบพื้นบ้าน ของกินของฝากเยอะ และก็ผู้คนพื้นเมืองมีความเป็นมิตร แถมบรรยากาศก็ดีอากาศเย็นสบาย ถึงแม้จะมีความวุ่นวายในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวซึ่งส่วนมากจะเป็นคนต่างถิ่น เหมาะกับคนที่ชอบเดินเรื่อยๆ ชิวๆ ถ่ายภาพดื่มด่ำกับบรรยากาศ
เมื่อเดินจนเหนื่อยก็ยังไม่สุดทางก็เลยพากันกลับหลังหัน เพื่อกลับเข้าที่พักไปนอนพักผ่อนกัน สำหรับกิจกรรมตอนเช้าที่ใครมาก็ต้องทำก็คือ ตักบาตรข้าวเหนียว แต่ว่าเนื่องจากเราเหนื่อยจากการเดินทางมาก ก็เลยตื่นไม่ทัน ฮาๆ ข้ออ้างชัดๆ เลยไม่ได้เก็บรูปมาฝาก พอตื่นนอนเราก็ต้องพบกับสิ่งที่ฟินสุดๆ นั่นคืออากาศที่หนาวมาก และ หมอกหนาเต็มแม่น้ำโขง หมอกนี่เข้ามาถึงในตัวบ้านด้วยซ้ำ คุ้มค่ากับที่มาที่นี่แล้วล่ะ
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวกันทุกคนแล้ว เราก็เก็บข้าวของไปไว้ที่รถ จากนั้นก็ไปทานอาหารเช้ายอดนิยมของที่นั่นก็คือ ข้าวเปียกเส้น เกาเหลา ต้มเลือดหมู ไข่กระทะ เป็นต้น จริงๆ ก็คล้ายๆ ที่อุดรฯ เลยอ่ะนะ บริเวณที่นั่งทานอาหารก็ติดแม่น้ำโขง นั่งมองดูหมอก ชมวิวไปด้วย กินไปด้วยมันเยี่ยมไปเลย
หลังจากอิ่มท้องกับอาหารเช้าเบาๆ แล้ว เราก็พากันไปเช่าจักรยานหนึ่งคันในราคา 50 บาท บริเวณที่ปั่นก็ที่เดียวกับที่เดินในตอนกลางคืนนั่นแหละ แต่จะคนอารมณ์กับตอนกลางคืนเลย เพราะทั้งคนและร้านค้าต่างก็น้อยกว่ามาก
ผมเป็นคนปั่น ส่วนแม่กับลูกซ้อนท้าย แต่ในรูปนี้ผมต้องลงมาถ่ายรูป ถึงจุดไหนสวยๆ ก็แวะถ่ายรูปกัน ปั่นกันเพลินๆ จนสายเลยล่ะประมาณสิบโมงได้มั้งทั้งเหนื่อยทั้งร้อนเลยทีนี้ก็เอาจักรยานไปคืนแล้วก็ไปขึ้นรถเพื่อจะเดินทางต่อ
ตอนแรกกะว่าจะไปภูทอกเพื่อชมทะเลหมอก แต่ว่าปั่นจักรยานกันจนสายเลยเปลี่ยนใจไม่ไป และขับรถออกจากเชียงคานมุ่งหน้าเมืองเลย ระหว่างทางลูกก็นอนหลับ พวกเรายังสุขใจกับการเที่ยวอยู่และคิดว่าสำหรับทริปนี้คงจะต้องพอก่อน เลยตัดสินใจกลับบ้านกันดีกว่า เอาไว้ไปเที่ยวที่ไหนจะมาเล่าอีกนะครับ หวังว่าเพื่อนสมาชิกคงจะติดตามอ่านเช่นเคย ขอบคุณมากครับ
สำหรับเพื่อนๆ ที่ผ่านมาอ่านบทความนี้ แล้วจะไปเที่ยวเชียงคานแต่หาที่พักไม่ได้หรือต้องการจองล่วงหน้า ลองเข้าไปดูข้อมูลที่พักได้ที่นี่ครับ สามารถจองออนไลน์ได้เลย ^^