6 รูปแบบของโฆษณา Google ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้เอาไว้
6 รูปแบบของโฆษณา Google ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้เอาไว้
ทุกวันนี้การตลาดออนไลน์เข้ามามีบทบาทกับทุกธุรกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งช่องทางลงโฆษณา Google มักเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในฐานะของเว็บ Search Engine ยอดฮิตของคนไทย แต่รู้หรือไม่ว่า รูปแบบโฆษณา Google ไม่ได้มีแค่โฆษณาค้นหา แต่ยังมีรูปแบบอื่นๆ อีกด้วยที่เจ้าของธุรกิจควรรู้ที่จะช่วยสร้างผลลัพธ์ชั้นเยี่ยมพร้อมโอกาสต่อยอดความสำเร็จได้มากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งตรงนี้คุณสามารถเลือกทำเองหรือจ้างผู้ให้บริการรับทำ Google Ads ก็ได้เหมือนกัน เพราะการทำโฆษณาต้องใช้เวลาและความสามารถในการ Optimize ปรับปรุงแคมเปญ รวมถึงทำการทดสอบในด้านต่างๆ
6 รูปแบบโฆษณา Google ที่ควรรู้และนำไปใช้งาน
1. ลงโฆษณา Google แบบ Search
โฆษณา Google แบบ Search หรือ SEM อธิบายง่าย ๆ ก็คือการทำโฆษณาจากคำค้นหาที่คนส่วนใหญ่ต้องการข้อมูล โดยมีคีย์เวิร์ดเป็นหัวใจสำคัญ ซึ่งโฆษณาก็จะไปขึ้นแสดงผลเวลามีการค้นหาเกี่ยวข้องกับคย์เวิร์ดที่เลือกใช้ แต่การเลือกคีย์เวิร์ดนั้นสำคัญมากเพราะหากเลือกผิดประเภทคุณจะเสียเงินโฆษณาเสียเปล่า หากยังไม่เชี่ยวชาญแนะนำให้ลองหาทีมที่มีประสบการณ์หรือบริษัทที่รับทำ Google Ads เข้ามาช่วยให้คำแนะนำ
2. ลงโฆษณา Google แบบ Display
โฆษณา Google Ads แบบ GDN หรือ Google Display Network คือโฆษณาที่จะถูกแสดงในลักษณะแบนเนอร์ซึ่งมีทั้งรูปภาพและตัวอักษร ซึ่งแบนเนอร์จะถูกนำไปแปะไว้ตามเว็บพันธมิตรของ Google ที่เกี่ยวข้องกับหมวดหมู่สินค้าหรือบริการนั้น ๆ เพิ่มโอกาสการมองเห็นจากคนทั่วไปมากขึ้น หรือจะแสดงเฉพาะกลุ่มคนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณก่อนหน้านี้ก็ได้เช่นกัน เรียกว่า Remarketing
3. ใช้แคมเปญแบบ Smart
จะเรียกรวม ๆ ว่า Smart Ads หรือ Smart Campaign ก็ได้เช่นกัน ต้องระบุคีย์เวิร์ดเพื่อกำหนดเป้าหมายของการโฆษณาให้ชัดเจนพร้อมระบุงบที่มี จากนั้นตัวโฆษณาก็จะไปแสดงบน Google Search, Google Maps, YouTube, Gmail และเว็บพาร์ทเนอร์ของ Google
ซึ่งการลงโฆษณา Google แบบ Smart Campaign จะเป็นการทำงานกึ่งอัตโนมัติที่ระบบของ Google จะไปประเมินลงโฆษณาตามความเหมาะสม แนะนำให้ลองหาผู้ที่รับลงโฆษณา Google เพื่อปรึกษาหรือช่วยเหลือจะดีกว่าสำหรับ Smart Campaign เนื่องจากต้องวัดผลเชิงลึกควบคู่ไปด้วย
4. ลง Google Ads เพื่อเพิ่มการดาวน์โหลด App
App Install เป็นประเภทโฆษณาที่ทำเฉพาะแอปพลิเคชัน หลักการคือเมื่อคนเห็นโฆษณาดังกล่าวแล้วกดคลิกเข้าไปก็สามารถเข้าสู่หน้าการดาวน์โหลดแอปได้ทันที มีทั้งการทำบน YouTube, บนหน้าเว็บ Google เอง ไปจนถึงการทำบน Google Play Store
5. ลง Shopping Ads
หรือ Shopping Ads เป็นลักษณะของการโฆษณาเพื่อตั้งใจขายสินค้านั้น ๆ ชัดเจน ระบุทั้งภาพ ข้อความ ราคา ช่องทางการขาย (ส่วนใหญ่มักเป็นเว็บ E-Commerce หรือเว็บขายสินค้าทั่วไป) ถ้าลูกค้าสนใจเมื่อคลิกโฆษณาแล้วก็จะเข้าไปสู่หน้าที่ขายสินค้านั้นทันที
6. ลง Video Ads
รูปแบบสุดท้ายเป็นการทำคลิปวิดีโอ หรือ YouTube Ads เพื่อแสดงให้กับผู้ที่กำลังรับชมวิดีโอบน YouTube มีทั้งต้นคลิปหรือระหว่างที่คลิปกำลังเล่น โดย YouTube Ads มีทั้งแบบที่กดข้ามได้ (Skippable) และแบบบังคับดูจนจบ (Non-skippable)
การติดตั้ง Google Analytics เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลจาก โฆษณา Google
ปิดท้ายบทความนี้ด้วยขั้นตอนการสร้างบัญชี Google Analytics เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้เว็บไซต์ ทั้งที่เข้าเว็บไซต์จากโฆษณา ไปจนถึง Social Media และ SEO ซึ่งจะช่วยให้วิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ได้มากขึ้น และนำไปปรับใช้กับการโฆษณาในดีขึ้น
โดยขั้นตอนการสร้างบัญชี Google Analytics นั้นไม่ยากเลย ลองดูตามคลิปนี้แล้วทำตามได้ง่ายๆ จากนั้นสามารถแชร์การเข้าถึงให้ทีมการตลาดในบริษัทหรือทีมที่รับทำ Google Ads เข้ามาดูแลต่อได้เลย
ทั้งหมดนี้คือ 6 รูปแบบของการทำโฆษณา Google ที่เจ้าของธุรกิจทุกคนควรรู้เอาไว้เพิ่มโอกาสแห่งความสำเร็จให้เกิดขึ้นตามแผนธุรกิจที่ตั้งเป้าหมายเอาไว้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจยุคเก่าที่พึ่งก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ หากยังไม่แน่ใจถึงขั้นตอนลงโฆษณา Google รูปแบบต่าง ๆ แนะนำให้ลองใช้บริการรับทำ Google Ads ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน ด้วยความชำนาญ เชี่ยวชาญ และเข้าใจแนวทางอย่างดี สิ่งที่ธุรกิจคุณได้รับย่อมตอบโจทย์กับการลงทุนแน่นอน